ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยอยู่ในส่วนกฎหมายฝากทรัพย์ เรื่อง "วิธีเฉพาะสำหรับเจ้าสำนักโรงแรม" เมื่อผู้เข้าพักติดต่อขอเปิดห้องพัก ทำให้เกิดสัญญาบริการห้องพัก และกฎหมายยังให้ถือเสมือนว่าเกิด "สัญญาฝากทรัพย์โดยปริยาย" จากสัญญาฝากทรัพย์ดังกล่าว โรงแรมจะมีความรับผิดในทรัพย์สินของผู้เข้าพัก ดังนี้
1.เมื่อทรัพย์สินที่ผู้เข้าพักนำติดตัวเข้ามาในโรงแรมสูญหาย โรงแรมต้องรับผิดเสมอตามหลักความรับผิดโดยเคร่งครัด (Strict Liability) ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะว่าต้องนำเข้ามาในตัวอาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่ที่อยู่ในการบริหารจัดการของโรงแรมด้วย เช่น ลานจอดรถ บริเวณสระว่ายน้ำโรงแรม สถานออกกำลังกาย เป็นต้น
2.โรงแรมยังคงต้องรับผิดในความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้เข้าพัก แม้ว่าการสูญหายจะเกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก เพราะโรงแรมได้รับค่าบริการตอบแทนจึงมีหน้าที่โดยสัญญา แต่โรงแรมจะรับผิดจำกัดจำนวนเพียงไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากผู้เข้าพักได้บอกฝากและบอกราคาของไว้ชัดเจนแก่โรงแรมโดยตรง โรงแรมจึงจะรับผิดเต็มตามราคาที่แจ้ง
3.กรณีผู้มาใช้บริการในโรงแรม เช่น มารับประทานอาหาร ใช้บริการนวด หรือฟิตเนส แล้วนำรถยนต์มาจอดไว้ หากรถยนต์สูญหายกรณีนี้ทางโรงแรมไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการใช้บริการเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อต้องการพักผ่อน ไม่ได้เข้าพักค้างคืนจึงไม่อยู่ในความหมายผู้เข้าพักที่กฎหมายคุ้มครอง
ข้อสำคัญคือเมื่อทรัพย์สินสูญหาย ผู้เข้าพักจะต้องแจ้งให้โรงแรมทราบทันที มิฉะนั้นโรงแรมจะพ้นความรับผิดทั้งปวง และนอกจากนี้การสูญหายหรือบุบสลายของทรัพย์สินจะต้องไม่ได้เกิดจากเหตุสุดวิสัย สภาพของทรัพย์สินนั้นเอง หรือเกิดจากความผิดของตัวผู้เข้าพัก เช่น ผู้เข้าพักประมาทลืมล็อกประตูห้องพัก กรณีนี้โรงแรมก็ไม่ต้องรับผิดเช่นกัน
แล้วถ้าโรงแรมแปะป้าย "โรงแรมจะไม่รับผิดในความสูญหายไม่ว่าในกรณีใดๆ" ไว้ล่ะ อย่างนี้จะต้องทำอย่างไร ใครจะต้องรับผิดชอบ? ถ้าหากผู้เข้าพักได้ทำความตกลงยอมรับข้อความดังกล่าว เช่นได้ลงลายมือชื่อยอมรับตามประกาศที่ปิดไว้ ข้อความเหล่านั้นก็จะมีผลใช้ได้ แต่ถ้าผู้เข้าพักเพียงอ่านรับทราบข้อความ ยังไม่ถือได้ว่าเป็นการตกลงกัน จุดนี้นักท่องเที่ยวจะต้องใช้ความระมัดระวังในเวลาที่โรงแรมให้ลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ ถ้ามีข้อความทำนองนี้ก็สามารถปฏิเสธไม่ลงลายมือชื่อได้
ท้ายที่สุด หากโรงแรมไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้เข้าพักก็ต้องฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนนั้นภายในระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่ตนเดินทางออกจากโรงแรม มิฉะนั้นจะขาดอายุความ เพราะกรณีดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องทางแพ่ง ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอาญา
Credit : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/860814
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโรงแรมและการท่องเที่ยวได้ที่ : https://www.blockdit.com/hotelsup